
RMF:
ต้องซื้อหน่วยลงทุนในแต่ละปีเป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่า 3% ของเงินได้ในแต่ละปีหรือไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า แต่ต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้ในแต่ละปีและเมื่อรวมกับเงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุน
บำเหน็จบำนาญ
ข้าราชการแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท สำหรับปีภาษีนั้นๆ ด้วย โดยต้องมีการลงทุนต่อเนื่องกันทุกปีแต่สามารถระงับการลงทุนได้ไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน ทั้งนี้ จะต้องมีปีในการลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี และต้องถือไว้จนะกระทั่งอายุ 55 ปีบริบูรณ์ ถึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีครบถ้วนคือ ไม่ต้องเสียภาษีกำไรจากการลงทุน(ถ้ามี)และไม่ต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่
ได้รับมาย้อนหลัง 5 ปีี
LTF:
ลงทุนไม่เกิน 15% ของเงินได้แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ซึ่งไม่ต้องนับรวมกับการลงทุน
หรือเงินสะสมใดๆ ในแต่ละปี (ผู้ลงทุนที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี จะต้องซื้อ
หน่วยลงทุนภายในปี 2559 เท่านั้น)โดยไม่มีเงื่อนไขให้ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี ทั้งนี้ เมื่อลงทุนแล้วต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า
5 ปีปฏิทิน ถึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีครบถ้วน คือ ไม่ต้องเสียภาษีกำไรจากการลงทุน(ถ้ามี)และไม่ต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ีที่ได้รับมาจากเงินลงทุน
ที่ขายคืนนั้นสิทธิประโยชน์
RMF:
1. สามารถนำเงินไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามที่จ่ายจริง ตามเงื่อนไขการลงทุนที่กล่าวมาข้างต้น
2. กำไรที่ได้จากการขายหน่วยลงทุน(capital gain)ได้รับการยกเว้นภาษี เมื่อได้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวม RMF มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่
วันซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรก
LTF:
1. สามารถนำเงินไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามที่จ่ายจริง ตามเงื่อนไขการลงทุนที่กล่าวมาข้างต้น
2. กำไรที่ได้จากการขายหน่วยลงทุน(capital gain)ได้รับการยกเว้นภาษี เมื่อได้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวม LTF มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน
การขายคืนหน่วยลงทุน
RMF: สามารถขายคืนได้ทุกวันทำการ หรือตามวันที่กำหนดไว้ในโครงการโดย
ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
LTF: สามารถขายคืนได้ปีละไม่เกิน 2 ครั้ง ตามวันที่ได้กำหนดไว้ในโครงการ
ที่มา: หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน